เมนู

รโหคตวรรคที่ 2



1. รโหคตสูตร



ว่าด้วยเวทนา 3 หมายถึงสังขารเป็นของไม่เที่ยง



[391] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้า
พระองค์ขอประทานพระวโรกาส ความปริวิตกแห่งใจเกิดขึ้นแต่ข้าพระองค์
ผู้หลีกเร้นอยู่ในที่ลับอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเวทนา 3 อย่าง
คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
เวทนา 3 อย่างนี้ ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระดำรัสนี้ว่า ความเสวย
อารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นทุกข์ ดังนี้แล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระ-
ดำรัสนี้ว่า ความเสวยอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นทุกข์ ดังนี้ ทรงหมาย
เอาอะไรหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถูกแล้ว ถูกแล้ว ภิกษุ ดูก่อนภิกษุ
เรากล่าวเวทนา 3 นี้ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา เรา
กล่าวเวทนา 3 นี้ ดูก่อนภิกษุ เรากล่าวคำนี้ว่า ความเสวยอารมณ์อย่างใด
อย่างหนึ่งเป็นทุกข์ ดังนี้ ดูก่อนภิกษุ ก็คำนี้ว่า ความเสวยอารมณ์อย่างใด
อย่างหนึ่งเป็นทุกข์ ดังนี้ เรากล่าวหมายเอาความที่สังขารทั้งหลายนั่นเอง
ไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุ ก็คำนี้ว่า ความเสวยอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นทุกข์
ดังนี้ เรากล่าวหมายเอาความที่สังขารทั้งหลายนั้นแหละมีความสิ้นไป เสื่อม
ไป คลายไป ดับไป แปรปรวนไปเป็นธรรมดา.

[392] ดูก่อนภิกษุ ก็ลำดับนั้นแล เรากล่าวความดับสนิทแห่ง
สังขารทั้งหลายโดยลำดับ คือ เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อมดับ เมื่อ
เข้าทุติยฌาน วิตกวิจารย่อมดับ เมื่อเข้าตติยฌาน ปีติย่อมดับ เมื่อเข้า
จตุตถฌาน ลมอัสสาสะ ปัสสาสะย่อมดับ เมื่อเข้าอากาสานัญจายตนฌาน
รูปสัญญาย่อมดับ เมื่อเข้าวิญาณัญจายตนฌาน อากาสานัญจายตนสัญญา
ย่อมดับ เมื่อเข้าอากิญจัญญายตนฌาน วิญญาณัญจายตนสัญญาย่อมดับ
เมื่อเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน อากิญจัญญายตนสัญญาย่อมดับ เมื่อ
เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนาย่อมดับ ราคะ โทสะ โมหะของ
ภิกษุผู้สิ้นอาสวะย่อมดับ.
[393] ดูก่อนภิกษุ ลำดับนั้นแล เรากล่าวความสงบแห่งสังขาร
ทั้งหลายโดยลำดับ คือ เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌานวาจาย่อมสงบ เมื่อเข้าทุติย-
ฌาน วิตกวิจารย่อมสงบ ฯลฯ เมื่อเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและ
เวทนาย่อมสงบ ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผู้สิ้นอาสวะ ย่อมสงบ.
[394] ดูก่อนภิกษุ ปัสสัทธิ 6 อย่างนี้ คือ เมื่อภิกษุเข้า
ปฐมฌาน วาจาย่อมระงับ เมื่อเข้าทุติยฌาน วิตกวิจารย่อมระงับ เมื่อ
เข้าตติยฌาน ปีติย่อมระงับ เมื่อเข้าจตุตถฌาน ลมอัสสาสะปัสสาสะย่อม
ระงับ เมื่อเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนาย่อมระงับ ราคะ
โทสะ โมหะของภิกษุขีณาสพย่อมระงับ.
จบ รโหคตสูตรที่ 1

อรรถกถารโหคตวรรคที่ 2



อรรถกถารโหคตสูตรที่ 1



พึงทราบวินิจฉัยในรโหคตสูตรที่ 1 แห่งรโหควรรค ดังต่อไปนี้
บทว่า ยงฺกิญฺจิ เวทยิติ ตํ ทุกฺขสฺมิ ความว่า ความเสวย
อารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง นั้นทั้งหมดเป็นทุกข์. ในบทว่า สงฺขารานํ
เยว อนิจฺจตํ
เป็นอาทิ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ความที่แห่ง
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง มีความในรูป เสื่อมไป แปรปรวนไปเป็นธรรมดา
อย่างนี้ใด เราหมายถึงข้อนี้ จึงกล่าวว่า ความเสวยอารมณ์อย่างใด
อย่างหนึ่ง นั้นเป็นทุกข์ อธิบายว่า เวทนาทั้งปวงเป็นทุกข์ ด้วยความ
ประสงค์นี้ว่า เพราะว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง แม้เวทนาทั้งหลาย ก็
ไม่เที่ยงเหมือนกัน. ก็คือว่าความไม่เที่ยงนี้ เป็นมรณะ ชื่อว่าความทุกข์
ยิ่งกว่ามรณะ ย่อมไม่มีดังนี้.
บทว่า อถโข ปน ภิกฺขุ มยา นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรง
ปรารภเพื่อแสดงว่า เราบัญญัติความดับแห่งเวทนาอย่างเดียวเท่านั้น
หามิได้ เราบัญญัติความดับแห่งธรรมแม้เหล่านี้ด้วย. ตรัสความสงบและ
ความระงับตามอัธยาศัยของบุคคลผู้รู้ ด้วยเวทนาเห็นปานนี้. พึงทราบว่า
อรูปฌาน ย่อมเป็นอันท่านถือเอาแล้วในที่นี้ด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธศัพท์
จบ อรรถกถารโหคตสูตรที่ 1